7 ประเด็นร้อนก่อนเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ 23

สุดสัปดาห์นี้ พรีเมียร์ลีก มีลงเตะส่งท้ายก่อนพักเบรคช่วงสั้น ๆ และจะกลับมาเตะอีกครั้งในช่วงเกือบ ๆ กลางเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับวีคนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันได้เลย!!
“เอฟเวอร์ตัน-แอสตัน วิลล่า”

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพิ่งทำประตูแรกให้กับ แอสตัน วิลล่า ในเว็บคาสิโนออนไลน์ถูกกฎหมายศึก พรีเมียร์ลีก นัดก่อนที่เจอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งในอดีตมีผู้เล่น “สิงห์ผงาด” แค่ 4 รายเท่านั้นที่สามารถสกอร์ทั้งสองเกมแรกในลีก ได้แก่ ดาเลียน แอตกินสัน (1992), ดิออน ดับลิน (1998), รอสส์ บาร์คลี่ย์ (2020) และ แดนนี่ อิงส์ (2021)

หลังจากเกมแรก วิลล่า เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน มาได้ 3-0 เมื่อเดือนกันยายน พวกเขาก็มองหาชัยชนะไป-กลับเหนือทีมทอฟฟี่ในลีกให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2000/01

สมัยเป็นผู้เล่น สตีเว่น เจอร์ราร์ด กุนซือ แอสตัน วิลล่า คว้าชัยเหนือ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ได้บ่อยครั้งมากที่สุดมากกว่าทีมอื่น ๆ (16) และแพ้แค่ 4 ครั้งเท่านั้นจาก 30 เกมที่เจอกัน นอกจากนี้มีแค่ วิลล่า (12) เท่านั้นที่เขาทำประตูได้มากกว่าที่เคยยิ เอฟเวอร์ตัน (90)

เอฟเวอร์ตัน โดนทำประตูขึ้นนำก่อนมาตลอด 8 เกมลีกหลังสุด (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 6) นับเป็นสถิตินานมากสุดของพวกเขาในประวัติศาสตร์ลีก

“แมนยู-เวสต์แฮม”
แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมเดินหน้าสานต่อการไร้พ่ายในบ้านตัวเองเกมลีกต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นนัดที่ 14 ติดต่อกัน

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีส่วนร่วมกับประตูใส่ “ขุนค้อน” 7 จาก 5 นัดหลังในลีก (6 ประตู 1 แอสซิสต์) โดยคิดเป็น 70 เปอร์เซนต์ของประตูทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่เขาลงสนาม (7/10)

ในฤดูกาลนี้ “เดอะ แฮมเมอร์ส” สามารถบุกเอาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มาได้แล้วในศึก คาราบาว คัพ ซึ่งจากอดีตมีแค่ 3 ทีมเท่านั้นที่ลูบคม “ปีศาจแดง” ที่สนามแห่งนี้ได้สองครั้งในซีซั่นเดียวคือ แอสตัน วิลล่า (1919/20), สเปอร์ส (1989/90) และ เชลซี (2004/05)

เดวิด มอยส์ ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยพาทีมไหนบุกเอาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เลย (เสมอ 4 แพ้ 10) มีแค่ แฮร์รี่ เร้ดแนปส์ คนเดียวเท่านั้นที่ไร้ชัยจำนวนนัดมากกว่าเขา (15)

“เซาธ์แฮมป์ตัน-แมนฯ ซิตี้”
อาร์แมนโด้ โบรย่า กองหน้าดาวรุ่งของ เซาธ์แฮมป์ตัน ทำประตูได้ตลอด 4 เกมแรกในบ้านตัวเอง โดยในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก มีผู้เล่นแค่รายเดียวเท่านั้นที่ทำสกอร์ได้ติดต่อกัน 5 นัดแรกยามที่เล่นในถิ่นตัวเอง นั่นก็คือ แกรี่ เพนไรซ์ ของ ควีนพาร์ค เรนเจอร์ส ช่วงระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม ปี 1992

แมนฯ ซิตี้ มองหาชัยชนะในลีก 13 เกมติดต่อกัน โดยที่ผ่านมา 12 เกมนั้นพวกเขาลั่นตาข่ายใส่คู่แข่งได้ถึง 34 ลูก และเสียแค่ 7 ประตูเท่านั้น และนับตั้งแต่แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้านตัวเอง 0-1 เมื่อเดือนตุลาคม หลังจากนั้นพวกเขาก็เก็บแต้มได้ถึง 36 คะแนน เหนือกว่าทีมที่ตามมาถึง 13 แต้ม

“เดอะ เซนต์ส” ไม่แพ้ใครในถิ่นตัวเองมาแล้ว 7 นัดต่อกัน (ชนะ 3 เสมอ 4) ซึ่งเป็นสถิติดีสุดนับตั้งแต่ไม่แพ้ใครที่ เซนต์ แมร์รี่ส์ 9 นัดติดเมื่อช่วงเดือนมีนาคม-ตุลาคม ปี 2016

“เรือใบสีฟ้า” เป็นทีมที่ยิงขึ้นนำคู่แข่งได้มากที่สุดในลีกในซีซั่นนี้ โดยทำไปทั้งสิ้น 17 เกมและคว้าชัยชนะได้ทั้งหมด

“อาร์เซน่อล-เบิร์นลี่ย์”
บูกาโย่ ซาก้า แนวรุกตัวจี๊ดของ อาร์เซน่อล มีส่วนร่วมกับประตูทุกนัดตลอด 5 เกมลีกหลังสุด โดยสองเกมหลังทำได้ถึง 4 ประตูกับอีกหนึ่งแอสซิสต์ และหากเขาทำประตูหรือจ่ายให้เพื่อนยิงได้ในเกมนี้ จะทำให้เขาเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่มีส่วนร่วมติดต่อกัน 6 นัดในวัยเพียง 20 ปี 140 วัน

ขณะที่ มาร์ติน โอเดการ์ด มีส่วนร่วมกับประตู 6 ลูกจาก 7 เกมลีก(3 ประตู 3 แอสซิสต์) มากกว่าก่อนหน้านี้ 25 นัดแรกภายใต้สีเสื้อ “เดอะ กันเนอร์ส” (2 ประตู 2 แอสซิสต์)

เบิร์นลี่ย์ มองหาชัยชนะที่บ้าน อาร์เซน่อล 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ พวกเขาบุกคว้าชัยที่กรุงลอนดอน มาแล้ว 5 จาก 9 เกมหลังในลีก (เสมอ 1 แพ้ 3) ทั้งที่ก่อนหน้านี้ 30 นัด ชนะได้แค่ 3 หนเท่านั้น(เสมอ 4 แพ้ 23)

“คริสตัล พาเลซ-ลิเวอร์พูล”
นับตั้งแต่ยิงใส่ พาเลซ 2 ลูกที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เมื่อซีซั่นก่อน นับจากนั้น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซัดตาข่ายในลีกรวม 10 ครั้งโดยทุกประตูเกิดขึ้นในการเล่นเกมนอกบ้านทั้งหมด โดยในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก มีผู้เล่นแค่ 3 รายเท่านั้นที่ยิงประตูในจำนวนเท่ากันโดยที่ปราศจากการยิงในบ้านตัวเอง

คริสตัล พาเลซ เอาชนะได้ 2 จาก 3 เกมลีกหลังสุดในการเจอกับทีมท็อปทรี (แพ้ 1) โดยในซีซั่นนี้พวกเขาเอาชนะ สเปอร์ส 3-0 และ แมนฯ ซิตี้ 2-0 มาได้

“หงส์แดง” บุกกำราบ “ดิ อีเกิ้ลส์” ได้ตลอด 6 เกมลีกหลังสุด โดยสอยตาข่ายได้ถึง 19 เม็ด รวมถึงปีก่อนที่ถล่มที่สนาม เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ได้ถึง 7-0

คอเนอร์ กัลลาเกอร์ มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรง 10 ลูกจาก 18 เกมที่ลงเล่นให้ พาเลซ ซีซั่นนี้ (7 ประตู 3 แอสซิสต์) มากเป็นอันดับสองของผู้เล่น พาเลซ ที่ทำได้ โดยอันดับหนึ่งเป็น แอนดรูว์ จอห์นสัน เมื่อซีซั่น 2004/05 ที่มีส่วนร่วมประตู 10 ลูกจากการลงสนาม 17 เกม

“เลสเตอร์-ไบรท์ตัน”
ในฤดูกาลนี้ ไบรท์ตัน เอาชนะในลีกได้ทั้งหมดที่ลงเตะคืนวันอาทิตย์ โดยเกมแรกที่เจอกันก็สามารถเอาชนะ เลสเตอร์ มาได้ 2-1 เมื่อเดือนกันยายน ครั้งสุดท้ายที่ “เดอะ ซีกัลส์” เอาชนะในวันอาทิตย์ 4 เกมติดต่อกันเกิดขึ้นช่วงระหว่างเดือนธันวาคม ปี 2008 ถึงเดือนมีนาคม ปี 2013 สมัยลงเล่นในลีก วัน กับ แชมเปี้ยนชิพ

เลสเตอร์ รักษาคลีนชีตได้ถึง 56 เปอร์เซนต์ยามลงเตะกับ ไบรท์ตัน (5 จาก 9 นัด) โดยเป็นรองทีมอื่น ๆ 2 ทีมที่ พลพรรคจิ้งจอกสีน้ำเงิน ไม่เสียประตูในจำนวนนัดที่มากกว่า ได้แก่ วูล์ฟส์ (78 เปอร์เซนต์ 7/9) และ ซันเดอร์แลนด์ (57 เปอร์เซนต์ 8/14)

ไบรท์ตัน แพ้แค่เกมเดียวจาก 10 เกมหลังที่ออกไปเยือนในซีซั่นนี้ (ชนะ 3 เสมอ 6) ซึ่งไม่มีทีมใดแพ้เกมเยือนน้อยกว่าเขาอีกแล้วในซีซั่นนี้

ในการดวลฝีมือกับผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ 4 จาก 6 เกมลีกหลังสุด(ชนะ 1 เสมอ 1) เทียบเท่ากับ 38 นัดก่อนหน้านี้ที่เอาชนะคู่แข่ง 28 นัด เสมอ 6 และแพ้ 4)

“เชลซี-สเปอร์ส”

ในเกม พรีเมียร์ลีก ไม่เคยมีผู้จัดการทีม เชลซี คนเก่าคนไหนที่พาทีมใหม่กลับไปบุกชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้เลย (เสมอ 7 แพ้ 13) โดย อันโตนิโอ คอนเต้ จะเป็นกุนซือรายที่ 8 ที่จะเผชิญหน้า “สิงห์บลูส์” ที่เดอะ บริดจ์ ซึ่งสามคนก่อนหน้านี้แพ้รวดในการกลับไปเยือนทีมเก่านัดแรก (โชเซ่ มูรินโญ่, ราฟา เบนิเตซ และ คาร์โล อันเชล็อตติ)

เชลซี เอาชนะ สเปอร์ส ได้ 5 จาก 6 นัดหลังในลีก(เสมอ 1) และเก็บคลีนชีตได้ถึง 5 นัด

“ไก่เดือยทอง” เอาชนะเกม ลอนดอน ดาร์บี้ ได้ 2 เกมหลังสุดในลีก หลังจากก่อนหน้านี้แแพ้ 5 นัดติดต่อกัน

“สิงห์บลูส์” เก็บแต้มได้ 498 คะแนนจากการลงเล่น 271 เกมดาร์บี้บนเวที พรีเมียร์ลีก และหากเก็บชัยได้ในนัดนี้จะทำให้พวกเขาเป็นทีมลอนดอนทีมแรกที่เก็บ 500 คะแนนในศึก พรีเมียร์ลีกต่อทีมเพื่อนร่วมเมือง

You may also like...