เสน่ห์ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปี65 กองทุนผลงานหรูกว่า10%

บลจ.ยูโอบีชี้ หุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจ ทั้งเทียบค่าเฉลี่ยในอดีต กับเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ มี Upside จากการเปิดประเทศ การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แถมนโยบายการเงินของ BoJ ยืดหยุ่นมากกว่าธนาคารกลางประเทศอื่นๆ

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นมีการปรับคาดการณ์ตัวเลข GDP ในงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 3.2% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.2% ซี่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 โดยเชื่อว่า จะได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

 

แต่ช่วงที่ผ่านมาหลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่นประจำปี 2565 เหลือ 2.4% โดยระบุว่า วิกฤตยูเครนที่ยังคงรุนแรงก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นลง ไม่ว่าจะในแง่ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ผล กระทบทางการเงินและการค้า การหยุดชะงักของซัพพลายเชน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในประเทศญี่ปุ่นช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เพราะมีบางกองทุนสามารถทำผลตแทนเป็นบวกได้เกือบ 11% และผลการดำเนินงานระยะ 3-5 ปีของหลายกองทุนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะปรับตัวลดลงไปในปีที่ผ่านมา

เสน่ห์ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปี65 กองทุนผลงานหรูกว่า10%

 

สำหรับ ผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นญี่ปุ่น 5 อันดับพบว่า

กองทุนเปิดแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท (ASP-NGF) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 10.55% ย้อนหลัง 1 ปี 19.14% ย้อนหลัง 3 ปี 11.44%
กองทุนเปิด แอล เอช เจแปน – E ชนิดสะสมมูลค่า (LHJAPE-A) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ติดลบ 3.56% ย้อนหลัง 1 ปี ติดลบ 5.62%
กองทุนเปิดเคแทม เจแปน อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า (KT-JAPAN-A) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ติดลบ 4.00% ย้อนหลัง 1 ปีติดลบ 6.64% ย้อนหลัง 3 ปี 8.43%
กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น (K-JPX) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ติดลบ 4.17% ย้อนหลัง 1 ปี ติดลบ 1.90% และย้อนหลัง 3 ปี 6.44%
กองทุนเปิดทหารไทย Japan Active Equity (TMBJPNAE) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ติดลบ 4.20% ย้อนหลัง 1 ปี ติดลบ 5.74% ย้อนหลัง 3 ปี 2.83%

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นถือเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดสหรัฐฯ ที่กำลังถูกกดดันด้วยปัญหาเงินเฟ้อ โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯและจีน

 

สำหรับคำแนะนำการลงทุนต่อจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ยูโอบี เปิดเผยว่า เมื่อ พิจารณาจาก Valuation ณ ปัจจุบันหุ้นญี่ปุ่นถือว่า มีความน่าสนใจทั้งในมุมเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในอดีตและเทียบกับบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ และมี Upside จากการเปิดประเทศ การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ที่สำคัญคือทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ที่มีความยืดหยุ่นหรือมี Policy Space ที่มากกว่าธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ เนื่องจากระดับเงินเฟ้อที่ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% อยู่มากทำให้เราปรับมุมมองจากเดิมที่เป็น Neutral ไปเป็น Slightly Overweigh

 

จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การที่เราเริ่มชอบและให้น้ำหนักหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวของราคาหุ้นมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นญี่ปุ่นปีนี้มีโอกาสทำกำไรได้ในระดับ 7-10% และมองว่าเป็นโอกาสซื้อขายในกรอบได้เพราะในอนาคตจะมีรายได้ส่วนเพิ่มจากค่าเงินเยนที่อ่อนเข้ามาช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง

ส่วนการดำเนินงานของกองทุนนั้น ไม่ใช่ว่าทุกกองที่จะกลับมาได้เพราะต้องดูนโยบายและกลยุทธ์ของแต่ละกองด้วย โดยปัญหาหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นขณะนี้คือภาคการผลิตจากปัญหาเรื่องสินค้าตั้งต้น แต่ภาคบริการน่าจะกลับมาได้บ้างเชื่อว่าหุ้นสามารถกลับไประดับปรกติได้ถ้าเปิดเมืองสำเร็จ

 

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ควรจับตาคือภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียโดยรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่มีการฟื้นตัวช้า และต้นทุนจากราคาน้ำมันที่กำลังเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายคือการอ่อนค่าของเงินเยน ซึ่งถ้าเงินเยนอ่อนค่าเกิน 125เยนต่อดอลลาร์ไปมากอาจสร้างปัญหาเงินเฟ้อได้ในอนาคต

 

สรุปแล้วตลาดหุ้นญี่ปุ่นถือว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจอีกแห่งในปีนี้ และจากคำแนะนำข้างต้นดูเหมือนจะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจากเดิมที่ดูพื้นเพธรรมดา ทั้งจากราคา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโอกาสในการทำกำไรระดับ 7-10% ถ้าใครยังไม่มีก็น่าจะปันใจมาได้บ้าง แต่คงต้องเลือกดูเหมือนกันว่าแนวทางและกลยุทธ์แบบไหนที่จะเหมาะกับการเปิดเมืองและภาคบริการบ้าง

อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market

You may also like...